23 June 2008

ถึงเวลา'บิล เกสต์'ล้างมือในอ่างทองคำ






การถ่ายโอนภารกิจบริหารงานรายวันของเขา จึงไม่ต่างอะไรจากการล้างมือในอ่างทองคำ ที่หลายคนต้องยอมรับว่าเป็นการแขวนบทบาทตัวเองอย่างงดงาม หลังจากคนชื่อ'บิล เกสต์'ได้บรรลุแล้วซึ่งความสำเร็จที่เขาสร้างขึ้นมา

แล้วก็ถึงเวลาสำหรับราชาอย่าง'บิล เกสต์'เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ ที่จะก้าวลงจากบัลลังก์ ด้วยการหันหลังให้แก่การบริหารกิจการของบริษัทระดับมหาอำนาจของอุตสาหกรรมไอที ที่เขาได้ปลุกปั้นขึ้นมาด้วยตัวมือเองเป็นเวลากว่า 30 ปี ท่ามกลางความใจหายของใครหลายคนที่จะต้องยอมรับว่าชื่อของบิล เกสต์ จะกลายเป็นอดีตไปเรื่อย ๆ สำหรับไมโครซอฟท์ แต่นี่คือการยุติบทบาทที่เคยทรงอิทธิพล สำหรับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกคนหนึ่ง ที่ต้องการหันหลังให้แก่กิจการของตัวเอง เมื่อถึงคราวต้อง'พักผ่อน' ด้านหนึ่งเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวขึ้นมา'ใหญ่'ตามธรรมชาติของการทำงาน และไขก๊อกตัวเองเพื่ออุทิศตัวให้กับอีกสิ่งที่เขารัก

ชะตาการหันหลังของบิล เกสต์ เป็นที่รับรู้ของสังคมโลกมาแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาได้ประกาศว่าจะวางมือจากไมโครซอฟท์ เพื่อหันไปใช้เวลากับกองทุนบิล และเมลินดา เกสต์ กับกิจกรรมช่วยเหลือชาวโลกที่เขารัก ที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมา นอกเหนือจากความเป็นสุดยอดผู้บริหารในการสร้างไมโครซอฟท์ในกลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แล้ว ตัวตนอีกด้านของบิล เกสต์ ยังเป็นที่รู้จักดีในฐานะมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ที่ติดอันดับนักบริจาคสูงสุดของโลก และเป็นภาพลักษณ์ที่สร้างเสียงสรรเสริญชื่นชมจากชาวโลก ไม่แพ้ในฐานะผู้บริหารของไมโครซอฟท์

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกแถลงการณ์ประกาศการวางมือจากไมโครซอฟท์ของบิล เกสต์ โดยเกสต์จะเริ่มวางมือจากภารกิจที่เหลืออยู่ คือการบริหารงานแบบวันต่อวัน ภายในระยะเวลา 2 ปี ก่อนจะไขก๊อกตัวเองจากภารกิจบริหารงานไมโครซอฟท์อย่างถาวร มีชื่อที่เป็นเพียงประธานบริษัท และที่ปรึกษาโครงการพัฒนาสำคัญ ๆ ของบริษัท ที่ไม่ได้มีเวลาส่วนใหญ่สำหรับไมโครซอฟท์อีกต่อไป โดยเขาจะทำหน้าที่เป็น'พี่เลี้ยง'ช่วยเหลือการถ่ายโอนภารกิจบริหารงานแบบวันต่อวัน ให้แก่สองผู้บริหารใหม่ของไมโครซอฟท์ คือ นายเรย์ ออซซี่ เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงฝ่ายเทคนิก ซึ่งจะถูกแต่งตั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบซอฟท์แวร์ ซึ่งเป็นงานหัวใจหลักของไมโครซอฟท์ และนายเครก มุนดี ซีอีโอฝ่ายเทคนิกอีกคน ซึ่งจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิจัยและวางแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท

ในวันออกแถลงการณ์ บิล เกสต์ กล่าวว่า ปัจจุบันไมโครซอฟท์อยู่ในสถานะที่จะประสบความสำเร็จได้อีกในอนาคตข้างหน้า โดยในช่วงปีนี้ เขาจะยังคงมีพันธะผูกพันกับไมโครซอฟท์อย่างเต็มที่ หลังแถลงการณ์ของเดือนมิ.ย.และจะทำงานอย่างเต็มที่กับเรย์และเกร็ก เพื่อรับประกันว่า การถ่ายโอนภารกิจบริหารงานรายวันของเขาจะเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมทั้งชื่นชมนายเรย์และนายเกร็กว่าเป็นผู้นำด้านงานเทคนิกที่เยี่ยมยอด ซึ่งถือเป็นโชคดีของไมโครซอฟท์

ขณะที่นายสตีฟ บอลเม่อร์ ผู้บริหารสูงสุดของไมโครซอฟท์ บอกว่า เขาและเกสต์ ต่างเชื่อมั่นว่า ไมโครซอฟท์ มีทีมที่ยอดเยี่ยมที่สามารถจะก้าวไปเพื่อย่ำตามรอยเท้าของเกสต์ และผลักดันนวัตกรรมของไมโครซอฟท์ไปข้างหน้าโดยไม่สะดุดช่องว่าง และว่าไมโครซอฟท์จะยังคงจ้าง'บุคคลระดับพรสวรรค์'ด้านเทคนิกที่เก่งที่สุดของโลก เพื่อมาร่วมงานกับบริษัท และไมโครซอฟท์ จะยังคงจัดการกับปัญหาท้าทายใหญ่ ๅๆ และสร้างโอกาสให้แก่ผู้บริโภคจากการลงทุนไปกับโมโครซอฟท์ในระยะยาว นอกจากนี้ ซีอีโอรายนี้ยังบอกว่า ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ได้ขยายความเป็นผู้นำด้านไอทีระดับสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สำหรับบิล เกสต์ เขาได้ปลุกปั้นไมโครซอฟท์ให้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีด้วยความสามารถล้วน ๆ ด้วยการจัดตั้งบริษัทแห่งนี้ร่วมกับพอล อัลเลน เพื่อนซี้ของเขา โดยไมโครซอฟท์ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อปี 1975 และได้บุกเบิกการสร้างนวัตกรรมด้านซอฟท์แวร์ต่าง ๆ ที่ได้ช่วยแผ่วทางการปฎิวัติสังคมโลกเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารดิจิตอล!

มรดกที่บิล เกสต์ และอัลเลน ได้สร้างให้แก่ไมโครซอฟท์ มีตั้งแต่การสร้างระบบปฎิบัติการของไมโครซอฟท์ ,โปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ,โปรแกรมวินโดวส์ ซอฟท์แวร์เหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อสังคมโลก ในฐานะเส้นทางบุกเบิกโลกเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์อย่างเต็มตัวและกว้างใหญ่ เปลี่ยนวิถีการทำงานใหม่ของผู้คนทั่วโลก วิถีใหม่ของการสื่อสารและความบันเทิง ในรูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ขณะที่ตัวไมโครซอฟท์ได้ผงาดกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที มีพนักงานทั่วโลกกว่า 63,000 คน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ให้เติบโตร่วมกัน โดยมียอดขายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม สำหรับบิล เกสต์ ยึดถือคติว่าคนเราต้องรู้จักพอ และหันไปทำในสิ่งตัวเองรัก หลังจากเขาได้ผงาดนั่งตำแหน่งประธานบริษัทและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จนกระทั่งถึงปี 2000 ซึ่งนายบอลเม่อร์ ได้เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทน บิล เกสต์ ได้เริ่มชีวิตการเป็นมหาเศรษฐีผู้ช่วยเหลือชาวโลกผู้ยากจน ซึ่งเป็นงานที่เขายอมรับว่าสร้างความสุขอย่างมหาศาลให้แก่ตัวเองและภรรยา โดยเขาได้จัดตั้งมูลนิธิบิล และ เมลินดา เกสต์ ภรรยา ด้วยวงเงินมูลค่ากว่า 29,100 ล้านดอลลาร์ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั่วโลกในภารกิจด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ มาลาเรีย และโรคอื่น ๆ ในประเทศด้อยพัฒนา และการบริจาคเงินให้แก่กองทุนต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก

การถ่ายโอนภารกิจบริหารงานรายวันของเขา จึงไม่ต่างอะไรจากการล้างมือในอ่างทองคำ ที่หลายคนต้องยอมรับว่าเป็นการแขวนบทบาทตัวเองอย่างงดงาม หลังจากคนชื่อ'บิล เกสต์'ได้บรรลุแล้วซึ่งความสำเร็จที่เขาสร้างขึ้นมา


from http://matichon.co.th/news_detail.php?id=37375&catid=6

No comments:

Post a Comment